หลวงพี่น้ำฝนแจ้งชัดรถอยู่ครบ พระอยู่ครบ ย้ำชัดไม่โกรธใคร ต้องใช้ความดีทำหน้าที่ให้สมบูรณ์

หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อมพระอารามหลวง ให้สัมภาษณ์สื่อตอบชัดเจนรถโบราณอยู่ครบเพียงแค่เคลื่อนไปถ่ายรูปสอง. ใช้เวลาไม่นานแล้วกลับมาจอดที่เดิม พูดชัดตัวเองเป็นพระเสียงดังอาจจะไม่ถูกใจโยมแต่ทุกวันนี้เดินหน้าทำงานด้านสังคมเต็มที่ กระแสวิจารณ์ไม่มีสิทธิ์โกรธเพียงแต่ต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุดสร้างความเชื่อมั่นให้ญาติโยม ขณะไวยาวัจกรตรวจข้อมูลพบอินฟลูเอ็นเซอร์ ไม่ได้ตั้งคำถามชวนสงสัยแต่ตั้งประเด็นให้เกิดการโจมตีไวยาวัจกร จ่อแจ้งความดำเนินคดีพร้อมคอมเม้นต์เกรียนที่เข้าข่าย

วันที่ 18 สิงหาคม 68 พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หลวงพี่น้ำฝน ผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อมพระอารามหลวง จังหวัดนครปฐม นำคณะสงฆ์ กลับจากโครงการมอบเตียงและรถแชร์ให้กับผู้ป่วย ที่อำเภอจอมบึงจังหวัดราชบุรีตอบคำถามสื่อปมโซเชียล ตั้งคำถามเคลื่อนย้ายรถหรู ออกจากวัดเมื่อวานนี้ จนมีกระแสวิจารณ์หนักและเป็นที่สนใจของสื่อมวลชนตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา โดยมีหลายฝ่ายให้ความสนใจและติดตามข้อมูลท่ามกลางกระแส วงการสงฆ์ที่มีประเด็นอยู่ในสังคมหลายเรื่องในขณะนี้

หลวงพี่น้ำฝนกล่าวว่า เรื่องรถดังกล่าว เป็นรถที่จอดอยู่ที่วัดไผ่ล้อมมาเป็น 10 ปีแล้ว เพียงแต่เมื่อวานนี้มีโยมเดินมาถามถึงเรื่องรถดังกล่าวและขอถ่ายภาพจึงบอกให้เอาออกมาถ่ายบริเวณหน้าร้านน้ำตก จากนั้นก็ได้ ไปจอดไว้ที่หน้าอาคารศูนย์ไตเทียมวัดไผ่ล้อม เพียงแค่ประมาณ 30 นาทีก็ทยอยขับกลับมา โดยเป็นพนักงานขับรถของวัดเป็นผู้ขับออกไปที่นั่น ไม่คิดว่าจะเกิดเป็นประเด็นขึ้นมา และรถดังกล่าวทั้งหมด ก็ไม่ได้เป็นรถหรูแต่เป็นรถโบราณที่มีอายุมากกว่าอาตมาซึ่งเป็นรถที่มีลูกศิษย์มาถวาย โดยยังมีรถจักรยานยนต์เก่าตั้งแต่ยุคแปดศูนย์จอดอยู่ด้านหลังของวัดด้วย

หลวงพี่น้ำฝน กล่าวต่อว่า ปกติ วัดไผ่ล้อมจะมีการเปิดประตูตั้งแต่ช่วง 6 โมงเช้าเนื่องจากจะมีโยมเข้ามาที่โรงพยาบาลนครปฐมสาขาวัดไผ่ล้อม เพื่อเจาะเลือดและตรวจร่างกาย และปกติตอนนี้พระที่วัดมีจำนวน 40 รูปเป็นพระใหม่ที่บวชพรรษานี้ 17 รูป และพระเก่า 23 รูป ก็ยังอยู่กันครบส่วนประเด็นว่ามีการขนของใส่กล่องจำนวน 30 กล่อง น่าจะเป็นช่วงเวลาประมาณ 5 โมงเศษที่เป็นจังหวะที่มีการถ่าย ภาพรถ และมีคณะสงฆ์ขับขี่รถจักรยานยนต์พ่วงหลังโดยมีถังขยะอยู่ที่ด้านท้ายจะนำขยะไปทิ้งบริเวณฝั่งตรงข้ามก็คือที่บริเวณด้านหน้าอาคารศูนย์ไตเป็นเรื่องปกติ ซึ่งมีคำถามว่ากังวลใจกับเรื่องดังกล่าวหรือไม่ก็ต้องตอบว่าไม่กังวลใจเพราะถือว่าคณะสงฆ์วัดไผ่ล้อมทำงานอยู่ในกรอบและทำงาน เป็นลักษณะของคณะสงฆ์จังหวัดนครปฐมในการทำงานด้านสาธารณะสงเคราะห์ และศึกษาสงเคราะห์ ซึ่งตอนนี้ได้มีการเตรียมเปิดศูนย์ไตรเทียมวัดไผ่ล้อม ซึ่งจะเอื้อประโยชน์ให้กับญาติโยมได้อย่างมหาศาลมหา และชัดเจนว่าวัดไผ่ล้อมไม่ได้มีการเปิดรับบริจาคแต่อย่างใด

หลวงพี่น้ำฝน กล่าวอีกว่า ตอนนี้พระพุทธศาสนาก็ดูจะย่ำแย่แล้ว ซึ่งสิ่งที่มีการพูดถึงกระแสดังกล่าวในทางไม่ดีของวัดไปล้อมอาตมาก็ได้แต่ปลงและทำใจ ก็ไม่คิดจะไปแก้ตัวอะไร สิ่งเดียวที่จะทำได้ก็คือการทำความดีเพื่อแสดงความชัดเจนให้ญาติโยมได้เห็น และพิสูจน์ตัวเองซึ่งอาตมาก็ได้กำชับคณะสงฆ์ว่าเราจะต้องปฏิบัติให้อยู่ในกรอบอยู่ในระเบียบวินัยเพราะ วัดไผ่ล้อมได้รับ พระกรุณาโปรดเกล้าให้เป็นวัดพระอารามหลวง การปฏิบัติตนของคณะสงฆ์จึงจะต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัดและทำอย่างจริงจัง

“สำหรับประเด็นที่มีผู้สื่อข่าวถามอาตมาว่ารู้สึกโกรธเรื่องนี้หรือไม่ อาตมาก็บอกได้ว่าอาตมาเข้าใจตัวเองดีว่าเป็นพระที่พูดเสียงดังพูดไม่เพราะ แต่อาตมาก็ใช้หัวใจในการทำงานอย่างเต็มที่ภาพภายนอกอาจจะดูแล้วไม่ชอบใจแต่อาจจะมาก็ทำอะไรก็จะใช้หลักการทำด้วยเหตุผล และย้ำกับตัวเองและคณะสงฆ์ว่าเราต้องอยู่ให้วัดอาศัย ไม่ใช่ไปอาศัยให้วัดอยู่ ส่วนใครจะมองไม่ดีเราก็แก้ตัวไม่ได้เราก็ก็มีหน้าที่ทำดีให้เขาดู และเรื่องนี้ก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะไปโกรธใครแต่อยากจะบอกโยมว่าหากจะเสพสื่อทางด้านโซเชียล จำเป็นจะต้องมีการพิจารณาให้มากขึ้นให้ถ้วนถี่มากขึ้นเพื่อที่จะได้ไม่เกิดปัญหา ส่วนโยมมาถามว่าคนที่ให้ข่าวและโจมตีจะมีการดำเนินคดีหรือไม่อาตมามองว่าส่วนตัวนั้นไม่คิดแต่ก็อยู่ที่คณะทำงานของวัดว่าเขาจะดำเนินการอย่างไรอันนั้นอาตมาก็ปล่อยให้เขาทำหน้าที่ตามกระบวนการจะไม่ไปสั่งการก็ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ” หลวงพี่น้ำฝนกล่าวปิดท้าย

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังคณะทำงานและไวยาวัจกร วัดไผ่ล้อม พระอารามหลวง ว่ากรณีที่เพจดังและมีอินฟลูเอ็นเซอร์บางคนได้มีการแสดงความคิดเห็น ทำให้เกิดลักษณะเหมือนสร้างความขัดข้องใจหรือจัดทัวร์มาลง ว่าจะมีการดำเนินคดีกับใครบ้างหรืออย่างไรซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้แจ้งกลับมาว่ามีบางคนที่ออกมาพูดชัดเจนเข้าข่ายหมิ่นประมาททางคอมพิวเตอร์ และมีหลายคอมเม้นต์ที่เข้าข่ายซึ่งในส่วนหลวงพี่น้ำฝนอาจจะไม่ดำเนินคดีแต่ทางไวยกรเห็นว่าจะต้องมีการติดตามดำเนินคดีเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างและสร้างความเป็นธรรมให้กับวัดไผ่ล้อมซึ่งมีลูกศิษย์ลูกค้าแสดงความเป็นห่วงในเรื่องนี้ด้วย

Related posts