นครปฐม พุทธศาสนิกชน ญาติโยมร่วมบุญสืบสานพิธีตักบาตรเทโวโรหณะ วัดไผ่ล้อมพระอารามหลวง

พุทธศาสนิกชน พร้อมใจตักบาตรเทโวโรหณะ ลานหน้าวัดไผ่ล้อม พระอารามหลวง จังหวัดนครปฐม เนื่องในโอกาสวันออกพรรษา ประจำปี 2568 หลวงพี่น้ำฝน นำคณะสงฆ์ปวารณาตน น้อมเผยแพร่พระพุทธศาสนาปฏิบัติตนอยู่ในพระธรรมคำสั่งสอน ประกาศต่อหน้าญาติโยมสิ่งของที่รับจากบาตรวันนี้จัดมอบถึงผู้ยากไร้และขาดโอกาสในสังคม เป็นการร่วมร่วมกันระหว่างบ้านวัดโรงเรียน เพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างโอบอ้อมอารี

วันที่ 8 ตุลาคม 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่วัดไผ่ล้อมพระอารามหลวง จังหวัดนครปฐม ได้มีพุทธศาสนิกชน ญาติโยม ได้มีการร่วมพิธีในการตักบาตรเทโวโรหณะ เนื่องในโอกาสวันออกพรรษา ประจำปีพุทธศักราช 2568 โดยมี ภาพประทับใจ ซึ่งเป็นครอบครัวได้ร่วมกันนำข้าวสารอาหารแห้ง มาจัดเรียงบนโต๊ะที่ทางวัดได้จัดไว้ให้ในการเตรียมเข้าร่วมทำบุญพร้อมกัน ขณะเดียวกันมีผู้อำนวยการโรงเรียนวัดไผ่ล้อม (พูลประชาอุปถัมภ์) คณะครู ได้เข้ามาร่วมในพิธีดังกล่าว โดยพร้อมเพรียง

โดยพิธีการเริ่มตั้งแต่เวลาศูนย์ 7.30 น. พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ (หลวงพี่น้ำฝน) ผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม พระอารามหลวง จังหวัดนครปฐม นำคณะสงฆ์ประกอบพิธีทางพระพุทธศาสนาภายในอุโบสถเฉลิมพระเกียรติ จากนั้นได้ร่วมกันปวารณาตน ในการเจริญรอยตามแนวทางขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในการปฏิบัติตนศึกษาพระธรรม และเผยแพร่พระพุทธศาสนาให้เป็นที่ประจักษ์ในสังคมเพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างสามัคคีและโอบอ้อมอารี

จากนั้นได้เข้าสู่พิธีการตักบาตรเทโวโรหณะ โดยหลวงพี่น้ำฝนได้นำคณะสงฆ์จำนวน 43 รูป ลงจากอุโบสถเฉลิมพระเกียรติและ รับบาตรจากญาติโยม ซึ่งพร้อมใจกันนำเข้าศาลอาหารแห้งใส่ในบาตร ของพระประธานซึ่งเป็นตัวแทนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และใส่บาตรให้กับ คณะสงฆ์ของวัดไผ่ล้อมโดยบรรยากาศเป็นไปอย่างชื่นมื่น

จากนั้นนางเบญจวรรณ ริทเทอร์ สายบุญแห่งวัดไผ่ล้อมฯ ได้ถวาย ราชรถ หรือรถเข็นศพ ทดแทนคันเดิมซึ่งมีอายุมากกว่า 30 ปีและเริ่มมีความชำรุดทรุดโทรม เพื่อใช้เป็นสาธารณะกุศลให้กับญาติโยมและประชาชนที่จะต้องต้องใช้ในการประกอบพิธีทางพระพุทธศาสนากับญาติมิตรและครอบครัวสืบต่อไป โดยมีคณะครูอาจารย์โรงเรียนวัดไผ่ล้อมและทัพสายบุญ วัดไผ่ล้อมพระอารามหลวง ร่วมเป็นสักขีพยาน

หลวงพี่น้ำฝน กล่าวว่า วันนี้เป็นวันที่ถือเป็นวันออกพรรษาครบถ้วนอย่างเป็นทางการทางวัดไผ่ล้อมได้มีการจัดให้มีพิธีตักบาตรเทโวโรหณะ ขึ้น ทุกปีและเป็นกิจกรรมหลักอีกโครงการหนึ่งซึ่งวัดไผ่ล้อมได้สืบสานมาอย่างต่อเนื่อง สำหรับข้าวสารอาหารแห้ง และข้าวของเครื่องใช้ที่ญาติโยมได้นำมาใส่บาตรและถวายให้กับวัดไผ่ล้อมในวันนี้ จะได้มีการจัดเตรียมสำหรับนำไปแจกจ่ายและมอบให้กับผู้ยากไร้ในพื้นที่ต่างๆที่ยังขาดแคลนเครื่องยังชีพ ซึ่งญาติโยมก็ถือว่าจะได้ร่วมบุญกันถึงสองชั้น นั่นคือการได้สืบสานต่อบุญในพระพุทธศาสนา และยังได้ทำทานร่วมกับคณะสงฆ์ในการช่วยเหลือสังคม ซึ่งเป็นกิจกรรมที่วัดไผ่ล้อม ได้วางตำแหน่งให้สอดคล้องกับนโยบายของมหาสมาสมาคมนั่นคือการอยู่ร่วมกันตามหลักบวร นั่นคือบ้านวัดโรงเรียน โดยมีชุมชนและพุทธศาสนิกชนร่วมขับเคลื่อนร่วมกันเพื่อให้เกิดความสามัคคีและมีมีความสุขด้วยความโอบอ้อมอารีตามแบบวิถีไทยนั่นเอง

สำหรับพิธีตักบาตรเทโวโรหณะเมื่อครั้งพุทธกาล

จากพุทธประวัติ ในพรรษาที่ 7 นับจากปีที่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ พระพุทธองค์ได้เสด็จขึ้นไปจำพรรษาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เทศนาพระอภิธรรมปิฎกโปรดพระพุทธมารดาอยู่หนึ่งพรรษา ครั้นถึงวันปวารณาออกพรรษา วันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 พระพุทธองค์จึงเสด็จลงสู่โลกมนุษย์ทางบันไดแก้วมณี ทรงเปล่งพระฉัพพรรณรังสีสว่างไสวเรืองรองไปทั่วทั้งโลกธาตุ แล้วเกิดสิ่งอัศจรรย์ขึ้น คือ ท่านเปิดโลกทั้งสาม ให้เห็นถึงกันในเวลาเดียวกัน คือ สวรรค์ มนุษย์ นรก เห็นกันหมดทั้งเทวดา มนุษย์ สัตว์นรก สัตว์เดียรัจฉาน เปรต อสุรกาย ต่างเห็นกันและกันด้วยตาเนื้อ เป็นอัศจรรย์ด้วยพุทธานุภาพ  เมื่อเห็นความอัศจรรย์นั้นต่างเกิดมหาปีติ พากันตั้งความปรารถนาที่จะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคตกาลภายภาคเบื้องหน้า เพราะเห็นพุทธานุภาพนั้น แม้แต่มดซึ่งเป็นสัตว์เดียรัจฉานยังมีความรู้สึกนึกคิดที่จะปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าด้วย วันนั้นจึงเรียกว่า “วันพระพุทธเจ้าเปิดโลก”

ตักบาตรเทโวโรหณะ หมายถึง วันทำบุญตักบาตรในเทศกาลวันออกพรรษาตามความเชื่อของพุทธศาสนิกชนว่าเป็นวันที่เสด็จลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์หลังจากเทศนาอภิธรรมปิฎกโปรดพุทธมารดาทการที่พระพุทธเจ้าเสด็จ ขึ้นไปจำพรรษาอยู่เพียงสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ก็เนื่องจากมีพระประสงค์จะให้พระพุทธมารดาได้บรรลุโลกุตรธรรมอันเป็นธรรม ชั้นสูงสุดในพระพุทธศาสนาได้

ประเพณีตักบาตรเทโวโรหณะพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จลงจากเทวโลกในวันมหาปวารณา

    

“เทโว” ย่อมาจากคำว่า “เทโวโรหณะ” ซึ่งแปลว่า การหยั่งลงจากเทวโลก หมายถึง เมื่อพระพุทธองค์ได้ตรัสรู้พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิณาณ แล้วทรงเทศนาโปรดประชาชนในแคว้นต่างๆ ของอินเดียตอนเหนือ ตั้งแต่เมืองราชคฤห์ เมืองพาราณสี เมืองสาวัตถี ตลอดถึงเมืองกบิลพัสดุ์ ซึ่งเป็นบิตุภูมิของพระองค์ทรงเทศนาโปรดพระประยูรญาติทั้งหลายถ้วนหน้า แล้วทรงปรารถนาจะสนองคุณพระมารดา ซึ่งหลังจากประสูติพระองค์ได้ 7 วัน ก็สิ้นพระชนม์ และได้ไปเกิดเป็นเทพบุตรอยู่ในสวรรค์ชั้นดุสิต ฉะนั้นในพรรษาที่ 7 หลังจากตรัสรู้พระพุทธองค์จึงเสด็จขึ้นไปจำพรรษาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เทศนาพระอภิธรรมปิฎกโปรดพุทธมารดาอยู่พรรษาหนึ่ง ถึงวันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 จึงเสด็จลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์มาประทับที่เมืองสังกัสสะ ประชาชน พากันไปเฝ้าพระพุทธองค์ เพื่อทำบุญตักบาตรอย่างหนาแน่น บางวัดก็ทำในวันออกพรรษา คือวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 บางวัดก็ทำในวันรุ่งขึ้น คือ วันแรม 1 ค่ำ เดือน 11

Related posts